วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

netbook vs notebook





การออกแบบ

Netbook
การออกแบบเน็ตบุ๊กตั้งอยู่บนหลักการที่ต้องการสร้างคอมพิวเตอร์ราคาไม่แพงและมีความสามารถที่เพียงพอต่อการใช้เล่นอินเตอร์เน็ตและทำงานพื้นฐานง่ายๆ ดังนั้นจึงออกแบบให้มีขนาดที่เล็กกะทัดรัดสามารถพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดเพียง 10”x7.5” นิ้ว (แล้วแต่รุ่น) และมีความหนาเพียง 1 นิ้ว ซึ่งช่วยให้สามารถพกพาไปใช้งานที่ต่างๆ ได้ง่าย แต่อาจะรำคาญกับขนาดของหน้าจอและปุ่มกดที่เล็กไปหน่อยตามขนาดของตัวเครื่อง แต่เมื่อใช้ไปซักระยะจะรู้สึกคุ้นชินไปเอง

Notebook
ในส่วนของโน้ตบุ๊กถึงจะเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานนอกสถานที่เช่นเดียวกัน แต่โน้ตบุ๊กถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดที่แตกต่างกัน โดยโน้ตบุ๊กจะเน้นไปที่ประสิทธิภาพการทำงาน มากกว่าขนาด ทำให้โน้ตบุ๊กมีขนาดที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด (มาตรฐานคือหน้าจอขนาด 14 นิ้ว) ซึ่งในจุดนี้ยังส่งผลให้อุปกรณ์ภายในอย่างจอภาพและคีย์บอร์ดในโน้ตบุ๊กมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น ช่วยให้สามารถใช้งานได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น


สเปกเครื่อง

Netbook
เรื่องของสเปกเน็ตบุ๊กให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ที่เน้นการประหยัดพลังงานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นซีพียู เช่น ซีพียูรุ่น Atom และ AMDของอินเทล ฮาร์ดดิสก์ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ที่กินไฟน้อยแทบทั้งสิ้น ซึ่งข้อดีคือสามารถช่วยยืดเวลาในการทำงานของเน็ตบุ๊กให้นานยิ่งขึ้น (อย่างต่ำก็ 3 ชั่วโมง) แต่ข้อเสียคือประสิทธิภาพในการทำงานที่ได้ค่อนข้างต่ำ สามารถทำงานได้เฉพาะงานในระดับพื้นฐานทั่วไปเท่านั้น อุปกรณ์บางอย่างที่มักจะมีในโน้ตบุ๊ก เช่น ออพติคอลไดร์ฟ จะไม่มีในเน็ตบุ๊ก ฮาร์ดดิสก์ในเน็ตบุ๊กก็จะมีความจุที่จำกัด

Notebook
ในเรื่องของสเปกโน้ตบุ๊กค่อนข้างให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการทำงานค่อนข้างมาก อุปกรณ์ต่างๆ ภายในจึงเน้นไปที่การทำงานเป็นหลัก ทำให้โน้ตบุ๊กสามารถรองรับงานได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะงานเบาหรืองานหนักก็ไม่มีปัญหา มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานและความบันเทิงที่ครบครัน ซึ่งอาจกินไฟมากกว่า แต่เทคโนโลยีของแพลตฟอร์มโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่่ๆ อย่าง เซนทริโนCore i3  จากค่ายอินเทล ก็สามารถให้ทั้งประสิทธิภาพการทำงานที่สูงและยังประหยัดไฟแบตเตอรี่อีกด้วย (โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นสามารถใช้งานด้วยแบตเตอรี่ได้สูงสุดถึง 4-5 ชั่วโมง)



ประสิทธิภาพและความสามารถ
Netbook
ประสิทธิภาพและความสามารถของเน็ตบุ๊ก เน้นไปที่ความสามารถในการทำงานผ่านระบบเครือข่ายแบบไร้สาย สำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสาร โดยเฉพาะกับการใช้งานด้านอินเทอร์เน็ต ที่สามารถใช้งานได้สะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถทำงานพื้นฐานด้านอื่นๆ ได้ แต่อาจมีความเร็วที่ไม่สูงมากนัก

Notebook
ความสามารถของโน้ตบุ๊กโดยภาพรวมแล้วสามารถทำงานได้ค่อนข้างที่จะหลากหลาย มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี กว่าเน็ตบุ๊กค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานพื้นฐานทั่วไปหรือการทำงานที่ต้องใช้ความสามารถที่สูง โน้ตบุ๊กก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางรุ่นนั้นออกแบบมาให้เล่นเกม 3 มิติ หรือ ตัดต่อวิดีโอ ทำกราฟิกได้ ก็ยังมี



ลักษณะการใช้งาน

Netbook
ลักษณะการใช้งานของเน็ตบุ๊ก จะเน้นการใช้งานบนอินเทอร์เน็ต (อย่างที่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น เน็ตบุ๊ก’) แอพลิเคชั่นขั้นพื้นฐานที่ใช้ทรัพยากรของเครื่องไม่สูงนัก เช่น การดูหนัง ฟังเพลงจากเว็บ เล่นอินเทอร์เน็ต พิมพ์งาน ดูเอกสาร และเล่นเกมส์แฟลชเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น และไม่เหมาะกับการทำงานแบบ multitasking หรือการเปิดงานหลายๆ แอพลิเคชั่นในเวลาเดียวกัน

Notebook
โน้ตบุ๊กค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของการทำงานที่สามารถทำงานได้ค่อนข้างที่จะหลากหลายกว่าไม่ว่าจะเป็นการทำงานทั่วๆ ไปเช่นดูหนัง ฟังเพลงทั้งจากอินเทอร์เน็ตและซีดีหรือดีวีดีแบบความละเอียดสูง เล่นอินเทอร์เน็ต ไปจนถึงการทำงานเฉพาะด้านที่ต้องอาศัยประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น เช่นการตัดต่อภาพยนตร์ หรือทำงานด้านกราฟิก รวมถึงเล่นเกมส์สามมิติ เป็นต้น และยังสามารถทำงานแบบ multitasking แบบไม่มีปัญหา


น้ำหนัก

Netbook
เน็ตบุ๊กถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานนอกสถานที่เป็นหลัก เน้นให้ผู้ใช้สามารถพกพาไปในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวก จึงมีการตัดทอนอุปกรณ์บางส่วนออกไปบ้างเพื่อลดปริมาณการใช้พลังงาน (เช่นออพติดคอลไดรฟ์) และยังช่วยลดขนาดและน้ำหนักของเน็ตบุ๊กลงไปได้มากโดยส่วนใหญ่แล้วเน็ตบุ๊กทั่วๆ ไปจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งจะเบากว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว


Notebook
ในด้านของโน้ตบุ๊กถึงแม้จะออกแบบมาเพื่อการใช้งานนอกสถานที่เช่นกัน จุดเด่นของโน้ตบุ๊กอยู่ที่ประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงานมากกว่า จึงไม่แปลกที่โน้ตบุ๊กจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าและหนักกว่าเน็ตบุ๊กเกือบเท่าตัว ทั้งยังมีอุปกรณ์ที่จำเป็นครบครันกว่า โดยน้ำหนักของโน้ตบุ๊กทั่วๆ ไปจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.4 กิโลกรัมสำหรับโน้ตบุ๊กขนาดจอ 14 นิ้ว


ราคา

Netbook
ด้วยวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ในเน็ตบุ๊กที่ไม่เน้นประสิทธิภาพหรือความเร็วที่สูงมาก ทำให้ราคาของเน็ตบุ๊ก มีราคาที่ค่อนข้างต่ำในท้องตลาด เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการคอมพิวเตอร์แบบพกพา (อาจเป็นเครื่องที่สองหรือเครื่องที่สาม) ในราคาที่ประหยัดสำหรับการทำงานในระดับพื้นฐานโดยเฉพาะกับการเล่นอินเทอร์เน็ต หรือบางคนอาจจะซื้อเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกให้บุตรหลานหรือคนใกล้ชิด  (ราคาที่วางจำหน่ายในปัจจุบันเริ่มตั้งแต่ 8990 เป็นต้นไป)

Notebook
เรื่องของราคาโน้ตบุ๊กขึ้นอยู่กับสเปก และความสามารถของโน้ตบุ๊กเป็นหลักยิ่งโน้ตบุ๊กที่สามารถทำงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว หรือมีลูกเล่นเด่นๆ ในการทำงาน โน้ตบุ๊กรุ่นนั้นก็จะยิ่งมีราคาแพงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว (ราคาที่วางจำหน่ายในปัจจุบันเริ่มตั้งแต่ 12900 เป็นต้นไป)

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

Acer Aspire One D250 มาพร้อม Windows7 และ Android

Acer ปล่อย Aspire one D250 พร้อมกับ ลง Windows7 และ Android  2ระบบภายในร่างเดียว
แต่มีข้อเสียอยูหน่อยหนึ่งคือ เจ้าตัว Aspire one ไม่มี ทัชสกรีนนี่แร่ะปัญหา อีกอย่าง Android ออกแบบมาสำหรับ ทัชสกรีน แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับ สาวก Android แล้ว ยังไงก็สามารถเล่นได้อยู่แล้วโดยการใช้เม้าส์ ลากไปมาหรือ ขึ้นลงได้แทนก็ยังได้ หรือไม่ก็ใช้ ปุ่ม End up ESc ก็ได้.














สเป็คคร่าวๆ (เป็นรุ่นล่าสุดที่มีจำหน่าย เดือนเมษายน 2554 นี้)

Screen : 10.1" SD LED
CPU : Intel ATom N550 Dual Core CPU speed 1.5 GHz
OS : Dual OS with Genuine Windows7 Starter and Android
Chipset : Mobile Intel NM10 Express Chipset
RAM : 2GB DDR3
HDD : 320GB and 500GB
Graphics : Intel GMA 3150


ขอบคุณ : pocket-lint.com

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

Apple ประกาศ เปิดให้อัพเดท iOS 4.3

ในที่สุด แอปเปิ้ล (Apple) ก็ได้เปิดให้ผู้ใช้สามารถอัพเดทระบบปฏิบัติการ iOS 4.3 สำหรับ iPhone, iPad และ iPod Touch ก่อนที่ iPad 2 จะวางตลาดในวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม ศกนี้ ซึ่งเรามาดูกันดีกว่าว่า iOS 4.3 ได้รับการพัฒนาปรับปรุง ตลอดจนมีการเพิ่มคุณสมบัติการทำงานอะไรใหม่ๆ เข้ามาบ้าง





หลังจากที่ปล่อย iOS 4.3 เวอร์ชันทดสอบออกมายั่วน้ำลายผู้ใช้ iPhone, iPad และ iPod Touch กันมาได้เดือนกว่าๆ  Apple ก็ตัดสินใจเปิดให้ดาวน์โหลด iOS 4.3 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 4.3 ทางบริษัทได้พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมทั้งเพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจเข้าไป โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้
กลไกการทำงานของ JavaScript ที่เร็วขึ้น: สำหรับการท่องเว็บด้วยบราวเซอร์ Safari โดยจะเร็วกว่าบน iOS 4.2 ประมาณ 2 เท่า
สนับสนุนการทำงานของ AirPlay ที่ดีขึ้นกว่าเดิม: โดยแอพพลิเคชันจากผู้พัฒนาทั่วไปจะสามารถเข้าถึงบริการของ AirPlay ในการสตรีมคอนเท็นต์ออกทางทีวีได้ ในขณะเดียวกันผู้ใช้ยังสามารถสตรีมวิดีโอจากแอพ Photos ได้อีกด้วย
Personal Hotspot: ระบบปฏิบัติการ iOS 4.3 จะเปิดโอกาสให้เจ้าของ iPhone 4 สามารถแชร์การเชื่อมต่อเน็ตกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้มากถึง 5 ชิ้นด้วยกัน พูดง่ายๆ ก็คือ คุณสามารถเปลี่ยน iPhone ให้กลายเป็น Hotspot ได้นั่นเอง

ขอบคุณ : Arip.co.th

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ย้ายค่ายมือถือเบอร์เดิมได้วันละ 300 เบอร์



ผู้ให้บริการย้ายค่ายเบอร์เดิมยันระบบไม่มีปัญหา พร้อมเพิ่มจำนวนเป็น 300 เลขหมายต่อวันต่อโอเปอเรเตอร์ และจะทยอยขยายเพิ่มจากของเดิมอีกวันละ 100 เลขหมายในแต่ละเดือน ส่วนจุดการให้บริการต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 10 แห่งต่อโอเปอเรเตอร์ 1 ราย แต่กรุงเทพฯยังมีเพียง 5 แห่งเท่าเดิม
      
       นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์
       กล่าวถึงความคืบหน้าของการให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์มือถือ (Number Portability) หรือนัมเบอร์พอร์ตว่า ขณะนี้ระบบการให้บริการดังกล่าวไม่มีปัญหาและถือว่าเป็นไปด้วยความราบรื่น ทางศูนย์ฯจึงได้ทยอยเปิดให้ผู้บริโภคสามารถย้ายค่าย (พอร์ต) ได้เพิ่มขึ้น จากช่วงแรกวันละ 100เลขหมายต่อโอเปอเรเตอร์ขึ้นไปเป็น 200 เลขหมายจนขณะนี้เพิ่มเป็นวันละ 300 เลขหมายต่อวันต่อโอเปอเรเตอร์ และมีแผนจะขยายจำนวนการพอร์ตเพิ่มขึ้นอีกวันละ 100 เลขหมายต่อวันต่อโอเปอเรเตอร์ในแต่ละเดือนต่อจากนี้ไป
      
       หลังจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมายตั้งแต่ 5 ธ.ค.2553 พบว่า ปัญหาที่มีผู้บริโภคร้องเรียนมากคือไม่สามารถย้ายเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้เพราะเป็นชื่อของนิติบุคคล, มีศูนย์ให้บริการที่รับโอนย้ายเครือข่ายน้อย, ชื่อ-นามสกุลไม่ถูกต้องตามที่จดทะเบียนทั้งที่เมื่อตรวจสอบแล้วชื่อ-นามสกุลตรงตามที่เอกสารระบุทำให้เสียเวลา ซึ่งคิดเป็นประมาณ 40% จาก 100 เบอร์ต่อวันที่ไม่สามารถพอร์ตได้
      
       'ปัญหาช่วงแรกคือเรื่องการแสดงตน แต่ขณะนี้ก็ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะผู้บริโภคเริ่มเข้าใจวิธีการย้ายค่ายมือถือใหม่ ทางศูนย์ฯและผู้ให้บริการมีการร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงแรกๆ จนทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี'
      
       ส่วนจุดให้บริการช่วงแรกเปิดให้บริการโอนย้ายเลขหมายเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 5 จังหวัด ขณะนี้ได้ขยายจุดให้บริการเพิ่มในต่างจังหวัดไปแล้วอีก 5 แห่งของโอเปอเรเตอร์ทั้ง 5 ราย คือเอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ได้แก่ พิษณุโลก ภูเก็ต ระยอง อยุธยา และอุดรธานี ส่วนในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังมี 5 แห่งเท่าเดิม
      
       'เมื่อมีการขยายจำนวนเลขหมายในการพอร์ตก็จะมีการขยายจุดการให้บริการเพิ่ม เพื่อให้ครอบคลุมและให้บริการผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง'

ขอบคุณ : manager.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

เปิดตัว ipad 2 เจ๋งกว่าเก่าแต่ราคาเท่าเดิม







หลังจากที่ตั้งตาตั้งตารอคอยกันมาเนิ่นนาน แถมยังมีข่าวลือให้แอบลุ้นกันเป็นระลอก ๆ ล่าสุด Apple ก็ได้เปิดตัว iPad 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีสตีฟ จ็อบส์ ผู้บริหารระดับสูงของ Apple มาเปิดตัวเหมือนทุกครั้ง แม้จะอยู่ในช่วงลาพักงานเพื่อรักษาอาการป่วยในช่วงนี้ ขณะที่บรรดาสื่อมวลชนต่างแห่เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพื่อเกาะติดและรายงานสถานการณ์ในงานเปิดตัว iPad 2 กันแบบสด ๆ นาทีต่อนาทีเลยทีเดียว ซึ่งหน้าตาและสเปคของ iPad 2 นี้ ก็คล้ายกับที่มีข่าวลือออกมาก่อนนี้ คือ มีขนาดบางลง น้ำหนักเบาลง และมีกล้องทั้งหน้าและหลัง ส่วนสเปคของ iPad 2 นั้น ก็มีการพัฒนาขึ้นบ้างเล็กน้อย โดยมีรายละเอียดดังนี้

รุ่น Wi-Fi

- ขนาด 9.50 x 7.31 นิ้ว หนา 8.8 มิลลิเมตร

- จอแสดงผลกว้าง 9.7 นิ้ว ระบบมัลติทัช มีความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล น้ำหนัก 601 กรัม

- หน่วยประมวลผล 1GHz dual-core A5

- หน่วยความจำ 16 GB / 32 GB / 64 GB

- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n , Bluetooth 2.1 + EDR

- แบตเตอรี่ Lithium-Polymer สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้สูงสุด 10 ชั่วโมง

- กล้องหน้าความละเอียด VGA และกล้องด้านหลัง ความละเอียด HD 720p (30 เฟรมต่อวินาที) ซูมได้ 5 เท่าแบบดิจิตอล

- ระบบเซนเซอร์ ประกอบด้วย ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Three-axis gyroscope), ระบบปรับการแสดงผลตามการหมุนหน้าจอ (Accelerometer Sensor), และ ปรับแสงสว่างของจอแสดงผลโดยอัตโนมัติ (Ambient Light sensor)

- ลำโพงมีขนาดใหญ่ขึ้น อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง

- มีเข็มทิศดิจิตอล (Digital compass)

- การเชื่อมต่ออุปกรณ์ มีพอร์ทเชื่อมต่อ Dock แบบ 30 เข็ม และชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

- ราคาเครื่อง แบบ 16GB ราคา $499, 32GB ราคา $599, และ 64GB ราคา $699


รุ่น Wi-Fi + 3G

- ขนาด 9.50 x 7.31 นิ้ว หนา 8.8 มิลลิเมตร

- จอแสดงผลกว้าง 9.7 นิ้ว ระบบมัลติทัช มีความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล น้ำหนัก 613 กรัม

- หน่วยประมวลผล 1GHz dual-core A5

- หน่วยความจำ 16 GB / 32 GB / 64 GB

- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n , Bluetooth 2.1 + EDR

- รองรับเครือข่าย UMTS/HSDPA/HSUPA (850, 900, 1900, 2100 MHz); GSM/EDGE (850, 900, 1800, 1900 MHz)

- แบตเตอรี่ Lithium-Polymer สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้สูงสุด 10 ชั่วโมงบน Wi-Fi และ 9 ชั่วโมงบนเครือข่าย 3G

- กล้องหน้าความละเอียด VGA และกล้องด้านหลัง ความละเอียด HD 720p (30 เฟรมต่อวินาที) ซูมได้ 5 เท่าแบบดิจิตอล

- ระบบเซนเซอร์ ประกอบด้วย ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Three-axis gyroscope), ระบบปรับการแสดงผลตามการหมุนหน้าจอ (Accelerometer Sensor), และ ปรับแสงสว่างของจอแสดงผลโดยอัตโนมัติ (Ambient Light sensor)

- ลำโพงมีขนาดใหญ่ขึ้น อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง

- มีเข็มทิศดิจิตอล (Digital compass), ระบบ GPS และระบบ Cellular

- การเชื่อมต่ออุปกรณ์ มีพอร์ทเชื่อมต่อ Dock แบบ 30 เข็ม ชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และถาดใส่ซิมการ์ดแบบไมโครชิพ

- สามารถใส่พิกัด GPS ลงในรูปหรือวีดีโอผ่าน WiFi ได้

- ราคาเครื่อง แบบ 16GB ราคา $629, 32GB ราคา $729, และ 64GB ราคา $829

นอกจากนี้ iPad 2 ยังเปิดตัวพร้อมกับอุปกรณ์เสริม คือ แผ่นปิดหน้าจอที่เรียกว่า Smart Cover สีสันสะดุดตา ซึ่งหากพับแผ่นมาปิดหน้าจอ จะทำให้เครื่องเข้าสู่โหมด Sleep อัตโนมัติ และเมื่อเปิดแผ่น Smart Cover ขึ้นเครื่องก็จะเปิดเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน ส่วนราคาของ Smart Cover นี้อยู่ที่ $39 สำหรับแบบพลาสติก และ $69 สำหรับแบบหนัง

ขอบคุณ : kapook.com 

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

พบโทรจันบน Android ฉกข้อมูล



ผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยเผยพบโทรจัน (trojan) บนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิ้ล (Google) ที่ปลอมตัวเป็น"แอพพลิเคชัน"ที่เหมือนตัวจริงแทบทุกประการ แต่มันกลับสร้างบ็อตเน็ต (botnet) เข้าไปในอุปกรณ์แอนดรอยด์ เพื่อโขมยข้อมูล และป่วนใช้ฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ของเครื่อง

รายงานข่าวล่าสุด ไซแมนเทค (Symantec) บริษัทผู้เชียวชาญระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์โมบาย เปิดเผยว่า จากการสังเกตการณ์ของบริษัทพบจำนวนของมัลแวร์ที่พุ่งเป้าโจมตีไปยังแพลตฟอร์ม Android เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยแพร่ระบาดไปบนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ซึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับโทรจันตัวใหม่ที่ตรวจพบชื่อว่า Android.Pjapps Trojan ซึ่งกำลังแพร่กระจายไปบนอุปกรณ์ Android โดยแฝงตัวมาในรูปแบบของแอพพลิเคชันทีดูถูกต้องทุกอย่าง แต่ไม่ได้โฮสต์อยู่บน Android Marketplace ของ Google ก่อนหน้านี้ก็มีการตรวจพบโทรจันบน Android ชื่อว่า Android.Adrd และ Android.Geinimi

"เช่นเดียวกับโทรจันตัวก่อนๆ ที่จะใช้วิธีแฝงตัวมากับแอพพลิเคชันที่ใช้งานบน Android ซึ่งมันเป็นการยากมากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างเวอร์ชันที่ถูกต้องปลอดภัยกับเวอร์ชันอันตราย เมื่อมันถูกติดตั้งเข้าไปแล้ว" Symantec ข้อความเกี่ยวกับ Android.Pjapps Trojan ที่โพสต์ในบล็อก อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการติดตั้ง มันมีความเป็นไปได้ที่จะระบุว่า เป็นแอพฯปลอมที่แฝงโทรจันมาด้วย โดยสังเกตจากการร้องขออนุญาตในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่มากกว่าปกติ ตัวอย่างภาพข้างล่างนี้จะแสดงให้เห็นกระบวนการติดตั้งแอพฯ Steamy Window ที่ปลอดภัยกับเวอร์ชันอันตราย







Android.Pjapps Trojan จะปลอมตัวเป็นแอพฯยอดนิยมอย่าง Steamy Window (แอพที่แสดงภาพของไอน้ำปลอมเกาะทั่วทั้งหน้าจอ โดยสามารถใช้นิ้วปาดออกได้) ซึ่งในเวอร์ชันปลอมจะคงคุณสมบัติการทำงานของแอพฯต้นฉบับไว้อย่างครบถ้วน แต่ในขณะเดียวกันมันจะเพิ่มฟังก์ชันที่ยอมให้ผู้บุกรุกสร้างบ็อตเน็ตขึ้นมาได้ นอกจากนี้ มันยังสามารถติดตั้งแอพพลิเคชันต่างๆ ท่องเข้าไปยังเว็บไซต์ ตลอดจนเพิ่มบุ๊คมาร์คเข้าไปในบราวเซอร์ของผู้ใช้ ส่ง SMS และกันข้อความตอบกลับ ที่อันตรายกว่านั้นก็คือ มันสามารถส่งข้อมูลที่โขมยได้จากในมือถือ หรือแท็บเล็ตส่งกลับไปยังผู้บุกรุกได้อีกด้วย








วิธีป้องกันภัยคุกคามอย่าง Android.Pjapps Trojan และเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อ ทาง Symantec แนะนำให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด และติดตั้งแอพฯจาก Android Marketplaces ที่ได้รับการควบคุมเท่านั้น พร้อมทั้งปรับแต่งค่าของแอพฯ (application settings) ของ Android OS ไม่ให้ติดตั้งแอพฯที่ไม่ได้มาจาก marketplace และควรจะอ่านคอมเมนต์ของผู้ใช้บน marketplace เพื่อช่วยยืนยันว่าแอพฯ ที่ต้องการดาวน์โหลดไปนั้นปลอดภัย นอกจากนี้ ในระหว่างการติดตั้ง Android apps ผู้ใช้ควรตาวจสอบการให้อนุญาตในการเข้าถึงข้อมูล (acess permission) สำหรับการติดตั้งด้วย "หากพบว่า แอพฯที่กำลังติดตั้งมีการร้องขอสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่มากเกินความจำเป็นของแอพฯนั้นๆ มันคงเป็นการฉลาดกว่าที่ไม่ติดตั้งแอพฯตัวนั้นซะ" Symantec กล่าว และคำแนะนำสุดท้าย ผู้ใช้ Google Android ควรติดตั้งเครืองมือรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันการดาวน์โหลดแอพฯที่มาพร้อมกับโค้ดอันตราย รวมถึงทูลส์ดูแล และจัดการระบบฯ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า อุปกรณ์ของคุณทำงานถูกต้อง และปราศจากมัลแวร์


ขอบคุณ : arip.co.th 

Solid-State Drives

นอกเหนือไปจากตลาดทางด้านซีพียูแล้ว ตลาดหน่วยความจำแบบ NAND Flash Memory ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อินเทลที่กำลังรุกเข้ามาอย่างเงียบๆ ซึ่งถ้าใครยังนึกไม่ออก ขอให้นึกถึง Intel Turbo Memory ที่เปิดตัวครั้งแรกใน Intel Centrino Santa Rosa เพราะนั่นก็คือ การนำ NAND Flash Memory มาใช้ประเภทหนึ่ง และอีกทางหนึ่งที่มีการนำไปใช้ล่าสุดก็คือ การนำไปผลิตเป็นฮาร์ดดิสก์แบบ Solid-State Drive : SSD



สองเทคโนโลยีสู่หนึ่งผลิตภัณฑ์

จากข่าวคราวที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีของอินเทลไม่ว่าจะเป็น ไตรมาสหนึ่งที่อินเทลก็ร่วมมือกับไมครอนในการพัฒนา NAND Flash memory ที่เร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่า คือจากเดิมก็ทำความเร็วในการอ่านข้อมูลได้แค่เพียง 40 MB/s และเขียนนั้นทำได้ที่ 20 MB/s มาเป็นความเร็วในการอ่านข้อมูลได้สูงสุดถึง 200 MB/s และเขียนข้อมูลได้เร็วถึง 100 MB/s และไตรมาสที่สองที่ผ่านมานี้อินเทลก็ได้ร่วมมือกับไมครอนอีกครั้งผลิตชิบ NAND Flash Memory ขนาด 32 กิกะบิต ที่ขนาด 34 ไมครอน พอมาไตรมาสที่สามนี้อินเทลก็เอาเทคโนโลยีทั้งสองมารวมกันแล้วผลิตเป็นฮาร์ดดิสก์ SSD ออกในงาน IDF เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ ซึ่งตอนที่อยู่ในงานนั้น ทางอินเทลเองก็ไม่ได้บอกว่าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับใคร แต่ในขณะที่เดินในงาน IDF ก็ไปเจอป้ายรูปสินค้าข้อมูลในบูตของ Kingston ดังนั้นข้อมูลที่เรารู้เพียงอย่างเดียว ณ วันนี้ ก็คือ อินเทลมีพาร์ทเนอร์รายแรกแล้ว คือ Kingston ซึ่งนั่นแสดงว่าในตลาด SSD ก็จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรายแล้ว




มาดูทางด้านสเป็กกันบ้าง

ในงาน IDF นั้นทางอินเทลเปิดตัวพร้อมๆ กัน 3 แบบ คือ X25-M และ X18-M โดยมีขนาด 2.5 และ 1.8 นิ้วตามลำดับ ซึ่งเป็นรุ่นที่จะมาเจาะตลาดเดสก์ท็อปกับโน้ตบุ๊ก โดยจะผลิตและออกจำหน่ายได้ในเเดือนกันยายนที่ขนาด 80 กิกะไบต์ และในไตรมาสที่สี่ปีนี้จะผลิตได้ที่ขนาด 160 กิกะไบต์ ส่วนอีกรุ่นคือ X25-E จะเป็นสำหรับตลาดองค์กรเพื่อใช้สำหรับเวิร์กสเตชัน สตอเรจ และเซิร์ฟเวอร์ โดยจะมีขนาด 32 กิกะไบต์ และ 64 กิกะไบต์ ซึ่งทางอินเทลคาดว่าจะผลิตเพื่อสู่ตลาดได้ในอีก 90 วันนับจากผลิตตัว X25-M และ X18-M สำหรับความเร็วในการอ่านและการเขียนนั้น สามารถอ่านถึง 250 MB/s และเขียนข้อมูลได้เร็วถึง 70 MB/s ซึ่งจากข้อมูลนี้นั่นแสดงว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกนี้จะอ่านได้เร็วกว่า แต่เขียนช้ากว่า NAND Flash memory ที่ร่วมพัฒนากับไมครอนเมื่อต้นปี

ไม่ได้มีแต่ SATA เท่านั้น PATA ก็มีด้วย

หลังจากกลับงาน IDF 2008 ได้ พอเข้าไปดูในเว็บไซต์อินเทล http://www.intel.com/design/flash/nand นอกเหนือไปจากอินเทอร์เฟซแบบ SATA แล้วอินเทลยังมีอินเทอร์เฟซแบบ PATA ด้วย คือ Z-P230 และ Z-P140 ซึ่งสาเหตุที่มีก็เพราะในปี 2006 ทางอินเทลเริ่มประกาศถึงแพลตฟอร์ม Atom ซึ่งในขณะนั้นสนับสนุนอินเทอร์เฟซแบบ PATA เพียงอย่างเดียว ดังนั้นทางอินเทล (Nand Product Group) จึงตัดสินใจเลือกผลิตทั้งแบบ SATA และ PATA สำหรับข้อมูลในส่วนของ ZP230 ได้รับการออกแบบมาใช้เพื่อใช้กับ Netbook และ Nettop มีความจุขนาด 4 กิกะไบต์และ 8 กิกะไบต์ตามลำดับ ส่วนขนาด 16 กิกะไบต์จะออกในไตรมาสสี่ ส่วน Z-P140 ออกแบบสำหรับเครื่อง MID รวมไปถึงมือถือด้วย มีความจุขนาด 4, 8 และ 16 กิกะไบต์

ขอบคุณ : arip.co.th